
🌧🌧🌧หากไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงในการใช้รถหน้าฝน เราควรตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทาง 🌧🌧🌧
ปัดน้ำฝนและน้ำยาฉีดกระจก
ส่วนแรกที่ควรดูแลรักษาและตรวจเช็คสำหรับการใช้รถในหน้าฝนนั่นก็คือที่ปัดน้ำฝนและน้ำยาฉีดกระจก เพราะ หากระบบปัดน้ำฝนมีการติดขัดอาจทำให้ทัศนวิสัยในการขับรถไม่ดีและอาจเกิดอุบัติเหตุในการขับรถได้ วิธีที่สามารถตรวจเช็คได้ด้วยตัวเองคือ ปัดแล้วไม่เกิดคราบน้ำฝนและไม่มีรอยบนกระจก ดูแลรักษายางปัดน้ำฝนได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำบิดให้หมาดแล้วเช็ดบริเวณใบปัดน้ำฝน นอกจากนี้อย่าลืมตรวจเช็คและเติมน้ำยาฉีดกระจก เพื่อให้สามารถทำความสะอาดฝุ่นหรือคราบน้ำที่ติดกระจกหน้ารถได้
ระบบเบรก
การตรวจเช็คระบบเบรก เริ่มต้นจากการตรวจเช็ค น้ำมันเบรก ว่ามีการรั่วหรือไม่และคอยเติมให้อยู่ในระดับปกติ ถัดมาคือตรวจเช็คผ้าเบรกของรถยนต์ ว่าสามารถชะลอความเร็วรถได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ หากเหยียบเบรกรถแล้วมีอาการส่ายหรือรถสะบัดช่วงท้าย หรือต้องใช้แรงในการเหยียบเบรกลึกกว่าปกติ ควรรีบนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คให้ดีก่อนใช้งานในหน้าฝนเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองนะครับ
ระบบเครื่องยนต์
เมื่อขับรถลุยฝนมาควรตรวจเช็คน้ำมันเกียร์ และน้ำมันเครื่อง ว่ามีน้ำรั่วซึมเข้าไปหรือไม่ เพราะอาจส่งผลต่อระบบเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังควรหมั่นตรวจเช็คแบตเตอรี่รถยนต์ให้บ่อยขึ้นในช่วงฤดูฝนด้วย เพราะโดยปกติอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อยู่ที่ราวๆ 5 ปี แต่ความชื้นในหน้าฝนอาจส่งให้การทำงานของแบตเตอรี่ติดขัดได้
ยาง
หากยางรถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานมากกว่า 3 ปี ควรตรวจเช็คการเสื่อมสภาพของเนื้อยาง ว่ามีความยืดหยุ่นดีหรือไม่ เพราะหากมีความยืดหยุ่นน้อย จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเกาะถนนของรถลดลงและอาจเกิดการลื่นไถลได้
ดอกยางรถยนต์ต้องมีความสูงไม่ต่ำกว่า 2.5 มม. หากต่ำกว่านี้จะส่งผลต่อการรีดน้ำออกจากตัวยาง อาจทำให้รถเสียการทรงตัวเมื่อต้องบนถนนที่มีน้ำขัง รวมถึงควรตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาประสิทธิภาพในการชับรถ
Cr:easycompare